การทำงานโครงสร้างพื้น เสาเข็มตอกปูพรม ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล
การทำโครงสร้างพื้นเสาเข็มตอกปูพรมเป็นวิธีที่นิยมใช้ในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากลักษณะของดินและสภาพแวดล้อมที่มีความซับซ้อน การเลือกใช้วิธีนี้ช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานโครงสร้างพื้นแบบอื่นๆ โดยเฉพาะการทำพื้นออนกราวด์ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการเกิดปัญหาตามมา
ขั้นตอนการทำงานเสาเข็มตอกปูพรม
1. การตอกเข็ม: เสาเข็มที่ใช้ในการทำโครงสร้างพื้นแบบปูพรมจะตอกลงไปที่ความลึกประมาณ 16-24 เมตร เพื่อให้ถึงชั้นดินดานซึ่งเป็นชั้นดินที่มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรับน้ำหนักของโครงสร้าง การตอกเข็มที่ระยะห่างประมาณ 3.5 เมตรต่อจุดเป็นมาตรฐานที่เหมาะสมในการกระจายแรง
2. การผูกเหล็กไวเมช: เหล็กไวเมชขนจะถูกผูกเป็นตะแกรง เพื่อเสริมความแข็งแรงของพื้นคอนกรีต การผูกเหล็กไวเมชเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำให้พื้นคอนกรีตสามารถรับน้ำหนักและแรงกดได้อย่างดี
3. การเทคอนกรีต: คอนกรีตที่ใช้มีค่ากำลังอัด 240 ksc ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เหมาะสมสำหรับการทำพื้นคอนกรีตในกรุงเทพฯ ความหนาของคอนกรีตสามารถปรับได้ตามต้องการ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 15-20 เซนติเมตร
4. การขัดเรียบพื้นผิวคอนกรีต: หลังจากการเทคอนกรีตเสร็จสิ้น จะมีการขัดเรียบหน้าพื้นผิวเพื่อความสวยงามและการใช้งานที่สะดวกสบาย ขั้นตอนนี้ยังช่วยให้พื้นคอนกรีตมีความเรียบเนียนและแข็งแรง
ข้อดีของการใช้เสาเข็มตอกปูพรม
– ความแข็งแรงและทนทาน: การใช้เสาเข็มปูพรมช่วยให้โครงสร้างพื้นมีความแข็งแรงมากขึ้น และสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่าเมื่อเทียบกับการใช้พื้นออนกราวด์
– ปัญหาน้อยลง: การทำงานแบบเสาเข็มตอกปูพรมช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการทรุดตัวของดินและการเกิดรอยแตกในพื้นคอนกรีต
– ความมั่นคง: เสาเข็มที่ตอกลงไปถึงชั้นดินดานช่วยให้โครงสร้างพื้นมั่นคงและสามารถรับน้ำหนักของอาคารได้อย่างดี
ข้อเสียของพื้นออนกราวด์ในกรุงเทพฯ
การทำพื้นออนกราวด์ในกรุงเทพฯ ไม่เป็นที่แนะนำ เนื่องจากมีปัญหาหลายประการ เช่น
– การทรุดตัวของดิน: พื้นออนกราวด์มีโอกาสทรุดตัวสูงเนื่องจากลักษณะของดินในกรุงเทพฯ ที่ไม่คงที่
– การเกิดรอยแตก: การทรุดตัวของดินทำให้พื้นคอนกรีตเกิดรอยแตกและเสียหายได้ง่าย
– ความไม่มั่นคง: พื้นออนกราวด์มีความมั่นคงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับพื้นเสาเข็มตอกปูพรม
ด้วยเหตุนี้ การเลือกใช้เสาเข็มตอกปูพรมจึงเป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยในการทำโครงสร้างพื้นในกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถรับประกันความมั่นคงและความทนทานของโครงสร้างได้ในระยะยาว